วันศุกร์ที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2556

5 ขั้นตอนง่ายๆ สู่การพูดอังกฤษอย่างคล่องแคล่ว

  
   5 ขั้นตอนง่ายๆ สู่การพูดอังกฤษอย่างคล่องแคล่ว




คุณรู้สึกว่าการเรียนภาษาอังกฤษเป็นเรื่องยุ่งยากรึเปล่า? ไม่ต้องห่วง! มันก็คล้ายๆ กับเด็กเล็กๆ ที่เพิ่งหัดเดินนั่นแหละ คุณต้องค่อยๆ เรียนรู้เป็นขั้นๆ ไป อ่านคำแนะนำจากเราต่อไปนี้แล้วนำไปใช้ รับรองว่าคุณจะก้าวไปสู่การพูดภาษาอังกฤษได้อย่างคล่องแคล่วภายในเร็ววัน!

Start with a Smile

ความเชื่อมั่นในตนเองเพียงเล็กน้อยจะช่วยให้คุณพูดภาษาอังกฤษดีขึ้นไม่ ว่าคุณจะมีความรู้ทางภาษาอังกฤษอยู่ในระดับใดก็ตาม ในการที่จะพูดอังกฤษได้อย่างคล่องแคล่วนั้น คุณต้องกล้าไว้ก่อน ซึ่งหมายถึงว่าแม้ในบางครั้งคุณอาจพูดไม่ถูกหลักไวยากรณ์บ้างก็ไม่ต้องอาย เพราะนั่นก็กลายเป็นเรื่องที่ไม่สลักสำคัญอะไรเลยหากคุณพูดอย่างเชื่อมั่นใน ตนเองพร้อมมีรอยยิ้มพิมพ์ใจซึ่งจะสร้างความประทับใจให้แก่คู่สนทนาของคุณ

Memorize More than Words

คุณเป็นอีกคนมั้ยที่รู้ความหมายของศัพท์ภาษาอังกฤษมากมายแต่ไม่ทราบว่า จะนำไปใช้ได้อย่างไร? ลองแก้ปัญหานี้โดยการเรียนและจำวลีหรือประโยคตัวอย่างการใช้ศัพท์นั้นๆ เพื่อที่คุณจะมีเข้าใจศัพท์นั้นๆ ได้อย่างลึกซึ้งขึ้น และนั่นก็เป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยให้คุณนำศัพท์ที่รู้มาใช้ประโยชน์ในการพูด สนทนาได้อย่างเต็มที่

Listen to Learn

พยายามคิดและวิเคราะห์ภาษาอังกฤษที่คุณได้ยินจากการฟังวิทยุ ข่าว หรือดูหนัง เพราะภาษาอังกฤษในสื่อเหล่านั้นมีการใช้สำนวนโวหารต่างๆ มากมาย ลองจดประโยคหรือคำเหล่านั้นไว้ และถ้าคุณมีโอกาสสนทนากับเจ้าของภาษาตัวจริงก็ควรสังเกตการใช้คำหรือประโยค ของพวกเขา การเรียนรู้จากสถานการณ์จริงเหล่านี้จะช่วยให้คุณก้าวไปสู่โลกแห่งการใช้ ภาษาอังกฤษในการพูดในชีวิตประจำวันอย่างแท้จริงแทนความจำเจที่เรียนจากจาก หนังสือเรียน

Exercise those Vocal Cords

ได้เวลาออกกำลังกล่องเสียงของคุณแล้ว! ถ้าคุณไม่มีคนที่จะคุยด้วยล่ะก็ ลองอ่านออกเสียงดังๆ เพื่อฝึกการออกเสียงในภาษาอังกฤษดู หรือจะลองอธิบายรูปภาพในแมกกาซีนต่างๆ หรือแม้แต่สิ่งของในห้องของคุณเองก็ได้ ไม่อย่างนั้นก็ลองพูดตามบทละครหรือประโยคภาษาอังกฤษอะไรก็ได้ที่ได้ยิน แม้แต่ฝึกการถกเถียงหรือโต้แย้งเป็นภาษาอังกฤษก็จะช่วยให้คุณรู้สึกมั่นใจ เมื่อต้องใช้ในชีวิตจริง เพราะฉะนั้น มาฝึกกันดีกว่า!

Take Up Modeling

นำการใช้ประโยคของเจ้าของภาษามาเป็นรูปแบบ การเน้นเสียงสูงต่ำหรือเปล่งเสียงหนักเบาล้วนเป็นหัวใจของการพูดภาษาอังกฤษ ได้อย่างถูกต้องเพราะสิ่งเหล่านี้จะมีผลต่อความหมายของคำ ลองงัดเอา DVD เรื่องโปรดออกมาดูและพยายามพูดตามนักแสดงจนให้ฟังดูเป็นธรรมชาติ ซึ่งหมายความว่าคุณต้องพูดประโยคต่างๆ ให้ได้เร็วและมีจังหวะจะโคนเหมือนที่นักแสดงเจ้าของภาษาพูดจริงๆ! และนี่ก็เป็นปัจจัยสำคัญที่จะนำคุณไปสู่การพูดอังกฤษได้อย่างคล่องแคล่วมั่น ใจ




                                                                                                     30 สิงหาคม 2556

บทสนทนา

                                              บทสนทนา




how are you?คุณสบายดีไหม?
how's it going?เป็นอย่างไรบ้าง? (ไม่เป็นทางการ)
how are you doing?คุณเป็นอย่างไรบ้าง? (ไม่เป็นทางการ)
how's life?ช่วงนี้เป็นอย่างไรบ้าง? (ไม่เป็นทางการ)
how are things?ทุกอย่างเป็นอย่างไรบ้าง? (ไม่เป็นทางการ)
I'm fine, thanksฉันสบายดี, ขอบคุณ
I'm OK, thanksฉันสบายดี, ขอบคุณ
not too bad, thanksก็ไม่เลวนัก, ขอบคุณ
alright, thanksเรียบร้อยดี, ขอบคุณ
not so wellก็ไม่ดีสักเท่าไหร่
how about you?แล้วคุณล่ะ?
and you?แล้วคุณล่ะ?
and yourself?แล้วตัวคุณเองล่ะ?,ตัวท่านเองล่ะ?

Asking what someone is or has been doing - สอบถามว่าเป็นอะไร หรือกำลังทำอะไรอยู่



                                                    30 สิงหาคม 2556


หลักการใช้ WAS WERE ใน PAST TENSE






คำว่า was, were คือ ช่องที่ 2 ของ verb to be (is, am, are) จะว่าไปแล้วก็คือการแปลงร่างครับ เป็นสิ่งที่สร้างความปวดหัวให้กับนักเรียน
was อ่านว่า เวิส มาจาก is,am
were อ่านว่า เวอ มาจาก are
ทั้งสองคำนี้หนา แปลว่า เป็น อยู่ คือ แต่ เป็นเรื่องราวในอดีต ไม่เกี่ยวกับปัจจุบัน
*** ข้อควรจำ  I ใช้ was ซึ่งเป็น Tense เดียวที่ใช้กริยาร่วมกับประธานเอกพจน์ นอกนั้นใช้กับประธานพหูพจน์ครับ จำไว้ให้ดีเชียว
การย่อรูป
·         was not เวิส น็อท >> wasn’t วอสเซินท  แปลว่า ไม่
·         were not เวอ น็อท >> weren’t  เวินท   แปลว่า ไม่
เนื่องจากว่ามันเป็นช่องที่ 2 ของ is am are ดังนั้นหลักการใช้ก็จะเหมือนกันทุกประการ ต่างกันแค่ใช้เล่าเรื่องราวในอดีต แค่นั้นเอง เช่น
I am a doctor. ผมเป็นหมอ (ไปที่โรงพยาบาลก็เจอผมเลย ผมทำงานที่นั่น)
I was a doctor. ผม (เคย) เป็นหมอ (ตอนนี้ไม่ได้เป็นแล้ว)
The weather is fine today. วันนี้อากาศดี (ท้องฟ้าแจ่มใส น่าออกไปเที่ยว)
The weather was fine yesterday. เมื่อวานอากาศดี (แสดงว่าวันนี้อากาศครึ้มทั้งวัน)
We are at school. เราอยู่ที่โรงเรียน (กำลังเรียนอยู่ โรงเรียนยังไม่เลิก)
We were at school yesterday. เมื่อวานพวกเราอยู่ที่โรงเรียน (เมื่อวานวันศุกร์ไง วันนี้วันเสาร์ไม่ต้องไปเรียน)
Was, Were  ใน Tense ต่างๆ
1. Past Simple Tense   
·           was, were  แปลว่า เป็น อยู่ คือ  (ประธาน+ was,were + นาม
was a student. ผม (เคย) เป็นนักเรียน (student = นาม)
We were teachers. . พวกเราเคยเป็นครู (teachers = นาม)
·         แต่บางครั้ง was, were ไม่ต้องแปล  (ประธาน+ was, were, + คุณศัพท์
was fine. ผม(เคย)สบายดี (fine = คุณศัพท์)
She was short. หล่อน (เคย)เตี้ย ( short= คุณศัพท์)
They were smart. พวกเขา(เคย)เทห์ ( smart=คุณศัพท์)
2. Past Continuous Tense (เรียนรู้เต็มๆในเรื่อง Past continuous Tense)
·         was, were อย่าแยกแปล ให้แปลควบกับคำกริยาที่เติม ing (แปลว่า กำลัง…)
was eating. ผมกำลังกิน
He was running. เขากำลังวิ่ง
We were  swimming. พวกเรากำลังว่ายน้ำ
เนื่องจากว่ามันเป็นช่องที่ 2 ของ is am are และหลักการใช้ในประโยคบอกเล่า คำถาม ปฏิเสธก็เหมือนกันทุกประการ จึงไม่ขออธิบายขยายความมาก ถ้านักเรียนศึกษา is am are เข้าใจดีแล้ว ก็ให้เทียบเคียงกันเอาก็จะเขาใจดีนะครับ ดังนั้นจึงขอยกตัวอย่างสักเล็กน้อยพอเป็นพิธีแล้วกัน
ประโยคบอกเล่า
He was a student last year but he became a teacher last month.
เขา (เคย) เป็นนักเรียนเมื่อปีที่แล้ว แต่เขากลายเป็นครูเมื่อเดือนที่แล้ว
She’s was angry because she didn’t see you at the party.
หล่อนโกรธเพราะหล่อนไม่เห็นคุณที่งานปาร์ตี้
They were at school yesterday. They studied math all day.
พวกเขาอยู่ที่โรงเรียนเมื่อวานนี้ พวกเขาเรียนคณิตทั้งวัน
ประโยคคำถาม
Was he a student last year? ปีก่อนเขาเป็นนักเรียนใช่
Yes, he was. / No, he wasn’t. ใช่ / ไม่ใช่
Wasn’t she angry?  หล่อนไม่โกรธใช่ไหม
Yes, she was. / No, she wasn’t. ใช่ / ไม่ใช่
Were they at school yesterday?พวกเขาอยู่ที่โรงเรียนใช่ไหมเมื่อวานนี้
Yes, they were. / No, they weren’t. ใช่ / ไม่ใช่
ประโยคปฏิเสธ
He wasn’t a student last.
เขา ไม่(เคย) เป็นนักเรียนเมื่อปีที่แล้ว
She’s wasn’t angry.
หล่อนไม่โกรธ
They weren’t at school yesterday.
พวกเขาไม่ได้อยู่ที่โรงเรียนเมื่อวานนี้
ประโยคคำถาม Wh-
Who was in your room yesterday? ใครอยู่ในห้องคุณเมื่อวานนี้
It was my brother. น้องชายฉันเอง
Where were you last week? สัปดาที่แล้วคุณอยู่ที่ไหน
I was in Rome. ฉันอยู่ในกรุงโรม
How was your brother yesterday. พี่ชายคุณเป็นอย่างไรบ้างเมื่อวานนี้
He was not fine. He has a cold. เขาไม่สบาย เขาเป็นหวัด
                                                     
                                                            30 สิงหาคม 2556

                                      ที่มาhttp://xn--12cl9ca5a0ai1ad0bea0clb11a0e.com
อะไร คือ Englishspeak.com?
Englishspeak.com ฟรีและได้รับรางวัล ระบบใหม่สำหรับการพูดภาษาอังกฤษ. โปรแกรมประกอบด้วยบทเรียนที่มุ่งเน้นให้ความสำคัญกับการออกเสียง สำเนียง ภาษาอังกฤษ และ ภาษาที่ใช้ในชีวิตประจำวัน ด้วยจำนวนมากกว่า 100 บทเรียน , Englishspeak.com ได้จัดเตรียมบรรจุ ไฟล์ออดิโอ จำนวนมากไว้เพื่อรองรับการใช้งาน ผู้ใช้สามารถเข้าถึง ได้ ในสองระดับความเร็วที่ต่างกัน ของการฟังในแต่ละบทเรียน.

ทำไม Englishspeak.com ถึงเป็นสิ่งจำเป็น ?
ในอดีตผู้คนจำนวนมากที่มีปัญหาในการพูดภาษาอังกฤษเชื่ออย่างผิดๆว่า พวกเขา แค่เรียนภาษาอังกฤษไม่เก่งแต่ในความเป็นจริงแล้ว มันเป็นเพราะสิ่งแวดล้อมในชั้นเรียนภาษาอังกฤษส่วนใหญ่ไม่เหมาะสำหรับการเรียนพูด

ปัญหาของ สื่อการเรียนวิชาภาษาอังกฤษส่วนใหญ่ คือ ไม่ได้มีการมุ่งเน้นในทักษะการพูดภาษา นักเรียนที่เรียนจากสื่อเหล่านี้ มักจะจบลงด้วยการพูดสำเนียงแปลกๆ และ เหมือนกับการอ่านจากหนังสือเรียน นอกจากนั้น , นักเรียนส่วนใหญ่ฝึกฝนโดยการพูดคุยกันเอง ไม่ใช่กับเจ้าของภาษา ซึ่งผลก็คือการออกเสียงสำเนียงผิด และ พฤติกรรมที่ผิด ซึ่งทำให้การเรียนรู้เป็นไปได้ช้า และมีอุปสรรค



อะไร คือ สิทธิประโยชน์ ?
บรรจุออดิโอไฟล์ไว้เป็นจำนวนมาก
 -ความเร็วระดับปกติ และ ช้า เพื่อการฟัง.
 -มีการจำแนกแยกการออกเสียงที่ชัดเจน ,แปลตรงตัว , ความหมาย, และ ตัวอักษร.
 -2500 คำศัพท์ และวลี ที่ใช้บ่อย.
ฟรี.
เราแตกต่าง อย่างไร?


แต่ละบทเรียนจำลองบทสนทนาระหว่างผู้ใช้และเจ้าของภาษา ผู้ใช้ถูกวางในสถานการณ์ที่หลากหลายในโลกแห่งความเป็นจริงและเป็นส่วนหนึ่งในบทสนทนาโดยใช้คำภาษาอังกฤษ และ ไวยกรณ์ภาษาอังกฤษที่ใช้บ่อยที่สุด

นี่คือการเน้นย้ำอย่างมากบนพื้นฐานของการออกเสียง ผู้ใช้สามารถเข้าถึงการเล่นระดับปกติและช้า สำหรับแต่ละบทสนทนา ประโยค และคำ วางเคอร์เซอร์บนคำใดๆในโปรแกรม และมันจะถูกออกเสียงอย่างช้าๆโดยผู้สอนของเรา ไม่ใช่เสียงจากคอมพิวเตอร์ 

วันที่30 สิงหาคม, 2556

ความรู้ภาษาอังกฤษ

            
           คำกริยา 3 ช่องคืออะไรเหรอ?
มันก็คือ กริยาตัวเดียว ที่สามารถแปลงร่างได้สามตัว ทำให้คนเรียนปวดหัวเล่น ๆ แค่นั้นเอง ไม่เชื่อก็ลองดูตัวอย่างที่เอามาให้ดูสิ ทำไมต้องมีถึงสามช่องก็ไม่รู้เน๊อะ ช่องเดียวก็จำไม่หมดอยู่แล้ว
แต่ความจริงแล้วมันมีตั้ง 5 ช่องนะ ไม่เชื่อก็ดูตัวอย่าง
gogoesgoingwentgone
ตัวที่หนึ่งคือกริยาเดิมๆ เรียกว่าช่อง 1 ตัวต่อมาเติม s ตัวต่อมาเติม ing และช่อง 2 ช่อง 3 ตามลำดับ
แต่ว่าการเติม s และ ing นั้นมีหลักการอยู่จึงไม่รวมอยู่ในนี้ ไว้เรียนเรื่อง Tense จะรู้เอง
สาเหตุที่มีสามช่องก็คือว่า คำกริยาเหล่านี้มันเกี่ยวเนื่องกับนำไปใช้ เมื่อเรียนรู้เรื่อง Tense ทั้ง 12 จะได้เข้าใจง่ายขึ้น เขาก็เลยนำมาจัดเป็นหมวดหมู่ให้ได้เลือกใช้ง่าย ๆ สำหรับคนที่เรียนหลักภาษา
ความจริงแล้ว กริยา 3 ช่องมีเยอะมาก เข้าร้านหนังสือก็มีขายเกลี่อน แต่ไม่ต้องซื้อหรอก ในเบื้องต้นศึกษาจากที่นี่ก่อนก็เพียงพอแล้ว
กริยา 3 ช่องมี 2 ประเภทนะครับ คือ ปกติ (regular) และ อปกติ (irregular)
1. Regular Verbs กริยาปกติ คือ มันไม่เปลี่ยนรูปร่างให้ปวดหัว เพียงแค่ช่องที่ สอง กับช่องที่ 3 เติม ed ต่อท้ายแค่นั้น
2. Irregular Verbs กริยาอปกติ คือ มีการเปลี่ยนรูปร่างให้ปวดเศียรเวียนเกล้าเล่นๆ เพราะ ช่องหนึ่ง สอง สาม ไม่เหมือนกัน หรือบางทีมีสองช่องที่เหมือนกัน หรือบางทีเหมือนกันทั้งสามช่องก็มี ไม่มีกฎเกณฑ์อะไรให้จำเลย อันนี้ก็ต้องอาศัย การอ่านหนังสือภาษาอังกฤษบ่อย ๆ จะจำได้เอง เพราะจะเห็นคำเดิมๆ ซ้ำไปซ้ำมา ด้านล่างคือตัวอย่างพอเป็นพิธีนะครับ
กริยาอปกติ (Irregular Verbs) ที่ใช้บ่อย 
PresentPast SimplePast Participleความหมาย
be(is,am,are)was,werebeenเป็น,อยู่,คือ
bearborebornถือ,เกิด
becomebecamebecomeกลายเป็น
beginbeganbegunเริ่มต้น
bendbentbentโค้ง งอ
betbetbetพนัน
bitebitbitten (or bit)กัด ขบ ฉีก
bleedbledbledเลือดออก
blowblewblownพัด เป่า ตี
bringbroughtbroughtนำมา เอามา
กริยาปกติ (Regular Verbs) ที่ใช้บ่อย 
PresentPast SimplePast Participleความหมาย
allowallowedallowedอนุญาต
arrivearrivedarrivedมาถึง ไปถึง
borrowborrowedborrowedยิม
callcalledcalledเรียก
carrycarriedcarriedถืือ
cleancleanedcleanedทำความสะอาด
closeclosedclosedปิด
crycriedcriedร้องไห้
drydrieddriedทำให้แห้ง
endendedendedจบ สิ้นสุด
explainexplainedexplainอธิบาย


                                                    วันที่ 30 สิงหาคม 2556
                                       ที่มาhttp://englishgrammar.oporjang.com

วันศุกร์ที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2556

สมุนไฟร

                                         
                                          เรื่อง ประโยชน์ของสมุนไพรไทย




 ว่านหางจระเข้
          ไม้ล้มลุกใบใหญ่หนาที่ทุกคนรู้จักกันดี แม้ถิ่นกำเนิดจะอยู่ไกลถึงฝั่งเมดิเตอร์เรเนียน และแอฟริกา แต่ในประเทศไทยก็มีการปลูกว่านหางจระเข้อย่างแพร่หลาย ซึ่งในตำรับยาไทยก็ใช้ว่านหางจระเข้บำบัดอาการต่าง ๆ ได้มากมาย จนเป็นที่รู้จักว่า เป็นพืชอัศจรรย์ที่มีสรรพคุณสารพัดประโยชน์ 


          โดย "วุ้นในใบสด" สามารถนำมาบรรเทาอาการปวดศีรษะได้ แต่สรรพคุณเด่น ๆ ที่ทุกคนน่าจะรู้จักก็คือ นำมาพอกแผลน้ำร้อนลวก ไฟไหม้ แก้ปวดแสบปวดร้อน แผลเรื้อรัง รักษาผิวที่ถูกแดดเผา แผลในกระเพาะอาหาร และช่วยถอนพิษได้ เพราะว่านหางจระเข้มีสรรพคุณช่วยสมานแผล แต่มีข้อแนะนำว่า ก่อนใช้ควรทดสอบดูก่อนว่าแพ้หรือไม่ โดยเอาวุ้นทาบริเวณท้องแขนด้านใน ถ้าผิวไม่คันหรือแดงก็ใช้ได้ นอกจากส่วนวุ้นในใบสดแล้ว ส่วน "ยางในใบ" ก็สามารถนำมาทำเป็นยาระบายได้ และส่วน "เหง้า" ก็นำไปต้มน้ำรับประทาน แก้โรคหนองในได้ด้วย 





 กระเจี๊ยบแดง
          หลายคนนำใบและยอดของกระเจี๊ยบแดงไปใส่ในแกง ซึ่งนอกจากจะช่วยเพิ่มรสเปรี้ยวในอาหารแล้ว ใบกระเจี๊ยบแดงยังแก้โรคพยาธิตัวจี๊ด แก้ไอ ละลายเสมหะ ส่วนดอกใช้แก้โรคนิ่วในไต นิ่วในกระเพาะปัสสาวะ ขัดเบา ละลายไขมันในเส้นเลือด 


          แต่ส่วนที่มีสรรพคุณมากเป็นพิเศษก็คือ ส่วนกลีบเลี้ยงของดอก หรือกลีบที่เหลืออยู่ที่ผล สามารถช่วยลดไขมันในเส้นเลือด ลดน้ำหนัก ลดความดันโลหิต นำไปทำเป็นน้ำกระเจี๊ยบดื่มช่วยให้ร่างกายสดชื่น ลดความเหนียวข้นของเลือด ขับปัสสาวะ ป้องกันต่อมลูกหมากโตให้คุณผู้ชายได้ด้วย และมีการศึกษาทางวิทยาศาสตร์พบว่า หากรับประทานกระเจี๊ยบแดงต่อเนื่อง 1 เดือน จะทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดลดลง ระดับไขมันในเลือด ทั้งคอเลสเตอรอล ไตรกลีเซอไรด์ ไขมันเลว (LDL) ลดลง และยังเพิ่มไขมันชนิดดีคือ HDL ได้ด้วย




 ฟ้าทะลายโจร 
          ฟ้าทะลายโจร เป็นไม้ล้มลุก สูงประมาณ 30-70 เซนติเมตร ทุกส่วนมีรสขม สรรพคุณเด่น ๆ ที่ทุกคนรู้จักกันดีก็คือ ใช้เป็นยาแก้ไข้ แก้ไข้หวัดใหญ่ แก้ร้อนใน เพราะมีฤทธิ์ช่วยสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกาย หากรับประทานบ่อย ๆ จะช่วยป้องกันไม่ให้เป็นหวัดง่าย นอกจากเรื่องหวัดแล้ว ฟ้าทะลายโจรยังระงับอาการอักเสบ ต่อมทอนซิลอักเสบ ขับเสมหะ รักษาอาการท้องเสีย ลำไส้อักเสบ รักษาโรคตับ เบาหวาน โรคงูสวัด ริดสีดวงทวาร และรสขมของฟ้าทะลายโจรยังช่วยให้เจริญอาหารอีกด้วย


          ข้อควรระวัง ก็คือ คนที่มีอาการเจ็บคอเนื่องจากติดเชื้อ Streptococcus group A , ผู้ที่เป็นโรคหัวใจรูห์มาติค , มีอาการเจ็บคอ เนื่องจากมีการติดเชื้อแบคทีเรีย, เป็นความดันต่ำ และสตรีมีครรภ์ ไม่ควรทานฟ้าทะลายโจร  และหากใครทานแล้วเกิดปวดท้อง ปวดเอว วิงเวียนศีรษะ ใจสั่น ควรหยุดใช้ฟ้าทะลายโจร นอกจากนั้นแล้ว ยังไม่ควรรับประทานต่อเนื่องนานเกินไป เพราะอาจทำให้แขนขามีอาการชา หรืออ่อนแรงได้





 ย่านาง
          ย่านางเป็นสมุนไพรรสจืด เป็นยาเย็น มีฤทธิ์ดับพิษร้อน คนจึงนำใบย่านางไปคั้นเป็นน้ำคลอโรฟิลล์ เพื่อเพิ่มความสดชื่น ปรับอุณหภูมิในร่างกาย และยังนำใบย่านางไปช่วยดับพิษไข้ ดับพิษของอาหาร แก้อาการผิดสำแดง แก้พิษเมา แก้เลือดตก แก้กำเดา ลดความร้อนได้ด้วย นอกจากใบแล้ว ส่วนอื่น ๆ ของย่านางก็มีประโยชน์เช่นกัน ทั้ง "ราก" ที่ใช้แก้ไข้พิษ ไข้หัด ไข้ฝีดาษ ไข้กาฬ ไข้ทับระดู"เถาย่านาง" ใช้แก้ไข ลดความร้อนในร่างกาย 
  
          ขณะที่ข้อมูลทางเภสัชวิทยาระบุว่า ย่านาง ยังช่วยต้านมาลาเรีย ยับยั้งการหดเกร็งของลำไส้ ต้านฮีสตามีน ส่วนข้อมูลทางโภชนาการระบุว่า ย่านางมีเบต้าแคโรทีนในปริมาณสูง ซึ่งจะช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ ช่วยชะลอความเสื่อมของเซลล์ในร่างกาย แถมยังอุดมไปด้วยเส้นในอาหาร แคลเซียม เหล็ก ฟอสฟอรัส ย่านางจึงเป็นหนึ่งในจำนวนผักพื้นบ้านที่นักวิจัยแนะนำให้นำมาใช้ในรูปแบบอาหารเพื่อรักษาโรคมะเร็ง 






                       วันที่ 23 สิงหาคม2556
       ที่มา...http://health.kapook.com/view37827.html